รองผู้ว่าฯ อยุธยา เปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนงานศึกษาความเหมาะสม โครงการก่อสร้าง

ทางรถไฟ ช่วง สุพรรณบุรี-นครหลวง-ชุมทางบ้านภาชี

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เวลา 09.00น. ณ ห้องประชุมแกรนด์บอลรูม 1 เดอะ คาวาลิ คาช่า รีสอร์ห ตำบลบ้านเกาะ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนศรศรีธยุธยา นายประพันธ์  ตรีบุปผา  รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนงานศึกษาความเหมาะสม โครงการก่อสร้างทางรถไฟ ช่วง สุพรรณบุรี-นครหลวง-ชุมทางบ้านภาชี   โดยมีนายวศิน สมานกสิกรรม  วิศวกร 6 กองโครงการและแผนงาน ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวรายงาน  มีหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน เข้าร่วมประชุม

สำหรับการประชุมครั้งนี้คณะที่ปรึกษาผู้จัดการโครงการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งและโลจิสติกส์จากการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอรายละเอียดของโครงการก่อสร้างทางรถไฟ ช่วงสุพรรณบุรี-นครหลวง-ชุมทางบ้านภาชี ให้ที่ประชุมรับทราบ ซึ่งผลการศึกษามีแนวเส้นทางที่มีความเหมาะสม จำนวน 4 เส้นทาง ตัดผ่านในพื้นที่ 3 จังหวัด 11 อำเภอ มีระยะทางรวมโดยประมาณของแต่ละเส้นทางอยู่ระหว่าง 66- 69 กิโลเมตร   ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และรับฟังข้อเสนอแนะเรื่องโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคตของสุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และประเทศไทย เมื่อมีการเปิดใช้งานทางรถไฟเส้นทางนี้ ใน 9 ประเด็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่พื้นที่จะได้รับ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น อาทิ แนวโน้มการประหยัดค่าใช้จ่ายและลดระยะเวลาในการขนส่งสินค้าของภาคธุรกิจ ศักยภาพในการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ โอกาสทางเศรษฐกิจและการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นต้น ซึ่งที่ประชุมได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะแก่คณะผู้จัดทำโครงการและการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อนำไปวิเคราะห์และสรุปผลการศึกษาต่อไป

นายประพันธ์ ตรีบุบผา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  กล่าวว่า  การพัฒนาทางรถไฟสายใหม่โครงการนี้ เริ่มต้นจากทางรถไฟสายสุพรรณบุรี และไปสิ้นสุดที่บริเวณชุมทางบ้านภาชีเชื่อมโยงโครงข่ายทางรถไฟสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ กับเส้นทางรถไฟสายหนองปลาดุก เพื่อรองรับการเดินทางและการขนส่งระหว่างภาคใต้กับภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้สะดวก โดยไม่จำเป็นต้องผ่านเข้าไปในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (บางชื่อ) โดยจะเป็นโครงข่ายทางรางของจังหวัดสำคัญ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขนส่ง การกระจายโอกาสในการพัฒนา ลดระยะเวลาการเดินทาง ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง  ลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และจูงใจประชาชนให้หันมาใช้บริการระบบรางมากขึ้น,ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการใช้พลังงานในภาพรวม และเป็นการสนุนการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ การกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการขนส่งที่สำคัญในภูมิภาค

Similar Posts

ใส่ความเห็น